MM0011
လူထုဦးလှ
ย้อนไปเมื่อสองร้อยปีก่อนในสมัยอังวะ ได้มีพระเกจิรูปหนึ่งซึ่งเปี่ยมไปด้วยวิชาและความรู้แกร่งกล้า ท่านได้เลี้ยงดูเด็กวัดคนหนึ่งชื่อใบพาย ใบพายเป็นเด็กกำพร้า ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนก็จะให้ใบพายติดตามไปด้วย ไม่ว่ากิจน้อยใหญ่เจ้าใบพายจะคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ วันนหนึ่งใบพายได้ติดตามพระอาจารย์ไปกิจนิมนต์เลี้ยงอาหารเพล ขากลับได้พบกับแมวตายที่แปลกประหลาดที่ข้างทางอยู่ตัวหนึ่ง ท่อนล่างเนื้อเปื่อยแต่ดวงตายังกรอกไปมาเหมือนมีชีวิต ด้วยวิชาอันแก่กล้าของพระอาจารย์จึงทราบว่าแมวตัวนี้มีพลังวิเศษ จึงสั่งให้ใบพายควักลูกตาแมวออกมา เมื่อถึงวัดในวันพระจันทร์เต็มดวงพระอาจารย์ก็ได้นำดวงตาของแมวมาทำพิธีลงในน้ำหมึกและสักลงบนแก้มทั้งสองข้างของใบพาย ข้างหนึ่งสักรูปแมวกระโดดขึ้น อีกข้างหนึ่งสักรูปแมวกระโดดลง ทันใดนั้นใบพายก็รู้สึกตัวเบาเหมือนใบไม้ สามารถกระโดดไปไหนมาไหนได้เหมือนแมววิเศษ และมีเรื่องแปลกคือใบพายมักจะนอนตอนหัวค่ำและตื่นขึ้นมากลางดึก และเกิดมีความอยากขโมยของตามบ้านถึงจะนอนกลับต่อได้ ในตอนแรกเขาเริ่มจากขโมยของเล็กน้อย หลังๆมาเริ่มขโมยของมีค่าและกลายเป็นหัวขโมยในที่สุด ชาวบ้านได้นัดกันเพื่อที่จะจับหัวขโมย เมื่อใบพายมาถึงก็ได้ร้องตะโกนช่วยกัน ใบพายจึงหนีเข้ามายังวัด ชาวบ้านก็ได้ตามมาที่วัดและได้ฟ้องพระอาจารย์ว่ามีเด็กวัดเป็นหัวขโมย พระอาจารย์ได้เรียกใบพายไปตักเตือน แต่ใบพายก็ไม่สามารถหยุดได้ พระอาจารย์จึงทราบว่าเป็นเพราะรอยสักรูปแมวที่สักไว้บนแก้มทั้งสองของใบพาย จึงคิดจะลบออก ใบพายล่วงรู้ถึงความคิดพระอาจารย์จึงได้หนีออกจากวัดและเดินทางไปยังเมืองหลวงอังวะ เพื่อขโมยของตามบ้านโดยไม่ต้องเลือกว่าจะขโมยบ้านไหนเพราะทุกหลังมีทรัพย์สมบัติอยู่แล้ว ชาวเมืองจึงเริ่มรู้ข่าวว่ามีขโมยและได้ระวังตัวมากยิ่งขึ้น ใบพายได้เข้าไปขโมยของตามบ้านเรือนและเมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านร้องเรียกชื่อตนก็กระโดดหนีคล้ายแมว ทำให้ไม่สามารถมีใครจับตัวได้ ในการขโมยของใบพาย เขาจะขโมยแค่เพียงครึ่งเดียวและจะเหลือให้เจ้าของบ้านอีกครึ่งหนึ่ง เมื่อขโมยมาแล้วเขาจะแบ่งทรัพย์สมบัติเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งไว้ทำบุญ อีกส่วนหนึ่งไว้บริจาคให้คนยากไร้ตกทุกข์ได้ยาก และเก็บไว้ใช้อีกส่วนหนึ่ง เพราะที่จริงแล้วเขาไม่อยากมีชีวิตแบบนี้แต่เป็นเพราะรอยสักรูปแมวที่อยู่ข้างแก้มทำให้เขาไม่ขโมยแล้วจะอยู่ไม่เป็นสุข เขาได้นำทรัพย์สมบัติที่เก็บไว้เพื่อบำรุงศาสนา ไปสร้างเจดีย์ที่ฝั่งเมืองสะกาย ทำให้ชื่อเสียงของเขาได้ดังไปถึงหูกษัตริย์อังวะ กษัตริย์ตะโตมีงผย่าได้สั่งให้ทหารไปจับกุมตัวใบพาย แต่ไม่สามารถจับได้เนื่องจากใบพายว่องไวมาก อยู่มาคืนหนึ่งเขาได้เข้าไปขโมยของที่บ้านเจ้าที่มักจะเอาเปรียบคนอื่น ค้ากำไรเกินควรครั้งละมากๆ ขณะที่กำลังจะออกจากบ้านหลังนั้น เขาได้พบกับชายผู้หนึ่งสอบถามได้ความเป็นขโมยเหมือนกัน ชื่อโมมอง โมมองได้ยินชื่อเสียงของโบพายมานานแล้ว หากต้องการความช่วยเหลือสามารถบอกเขาได้ โมมองพูดขึ้นอีกว่าเป็นโอกาสดีที่ได้พบกับขโมยที่ทนุบำรุงศาสนา จึงชักชวนขอร่วมทำการขโมยด้วยกันสักครั้ง และยังพูดว่าเจ้านายคนนี้ไม่เก็บสมบัติไว้ที่บ้าน และได้ชวนให้ไปขโมยที่ท้องพระคลัง ใบพายปฏิเสธโดยอ้างสัจจวาจา จะไม่ขโมยทรัพย์สินของกษัตริย์เป็นอันขาด ได้ยินดังนั้นมองโมจึงชักชวนใบพาย ว่าเขาเพียงแค่อยากเข้าไปชมพระราชวังสักครั้ง ให้ใบพายตามไปด้วยเท่านั้น ใบพายเองก็อยากเข้าไปในวังสักครั้งจึงได้แอบเข้าวังตามโมมองไป ทั้งสองได้เข้าไปในพระราชวังและเที่ยวเข้าออกตามห้องต่างๆ โมมองได้ชวนให้ลักพาตัวนางกำนัลไปทำไม่ดีไม่ร้าย แต่ใบพายปฏิเสธเพราะคิดว่านี่คือสมบัติของกษัตริย์เช่นกัน โมมองจึงได้ชวนใบพายเข้าไปยังห้องอาหารเพื่อหวังจะได้กินอาหารของกษัตริย์ ทั้งสองกินอาหารพร้อมดื่มสุราที่อยู่ในห้องครัวจนเมา รุ่งเช้าเมื่อใบพายตื่นมาก็พบว่าตัวเขาเองถูกมัดอยู่และอยู่ในคุก ไม่นานตะโตมีงผย่าก็ได้เอ่ยกับเหล่าขุนนางว่าเขาได้ปลอมตัวเป็นโจรโมมองเพื่อจับตัวใบพาย ตะมีงผย่าได้ตัดสินโทษประหารแก่ใบพาย แต่ให้เลือกว่าจะตายด้วยดาบหรือธนู ใบพายตอบกลับว่า ต้องการมเหสีของตะโตมีงผย่า เมื่อได้ยินดังนั้นกษัตริย์ก็เกิดบรรดาโทสะ แต่ได้คิดถึงคำพูดของใบพายเมื่อคืนว่าเป็นคนที่มีสัจจะความกล้าหาญ จึงอยากเก็บไว้ใช้งาน จึงกลับคำตัดสิน และแต่งตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์ทรัพย์สินส่วนตัว
ใบพาย, เด็กขี้ขโมย
ใบพาย, โมมอง, ตะโตมีงผย่า
คนขี้ขโมยต่อให้เก่งอย่างไรก็ต้องถูกจับ
MM
MM
TEXT
TEXT
นิทานพื้นบ้าน