MM0032
လူထုဦးလှ
นานมาแล้วมีชายแก่ผู้ยากจนมีลูกสาวชื่อ นาง คำอ่อน วันหนึ่งเมื่อชายแก่ออกไปเก็บผักเพื่อมาหุงหาอาหารจนได้หลงไปถึงป่าทึบที่เป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์ เหล่ายักษ์ที่ได้ดูแลป่าที่นั้นจึงได้เอ่ยถามว่าแก่ชายแก่ว่ามาทำอะไรที่ป่าที่ยักษ์อาศัยอยู่ ชายแก่ไม่ได้ตอบอะไรกลับร้องไห้ด้วยความกลัว ยักษ์จึงพูดให้เขาไม่กลัวและถามว่าทำไมถึงร้องไห้ ชายแก่ไม่ตอบอะไรและอธิษฐานจิตถึงคุณของรัตนตรัย เมื่อเหล่ายักษ์ได้รู้ว่าชายแก่ผู้นี้มีคุณของพระรัตนตรัยคุ้มครองอยู่จึงได้หนีถอยไป ชายแก่เห็นว่าไม่เป็นการเหมาะที่จะหาพืชผักต่อ จึงวิ่งหนีจากตรงนั้นและได้พบกับบ่อบ่อหนึ่ง ด้วยความเหนื่อยและความกลัวชายแก่จึงได้เผลอหลับไป พร้อมกับตื่นมาพบกับเม็ดทับทิมที่เหล่ายักษ์ได้รักษาอยู่ แต่ชายแก่ไม่รู้กลับคิดว่าเป็นเศษแก้วที่พวกยักษ์ทำไว้เพื่อป้องกันศัตรูและดีแล้วที่ตนเองปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงกลับบ้านโดยไม่ได้หยิบทับทิมมาแม้แต่เม็ดเดียว เมื่อถึงบ้านตอนรุ่งเช้าก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกสาวฟัง จากนั้นทั้งคู่ก็ได้อยู่อย่างยากจนเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่ง มีกษัตริย์องค์หนึ่ง มีลูกชายเจ็ดคน ได้เรียกลูกชายคนสุดท้องเข้าสั่งสอน แต่ด้วยความที่เจ้าชายเป็นผู้เชื่อในเรื่องของโชคชะตา(เวรกรรม) จึงได้ทูลต่อบิดาว่าชีวิตของขาจะเป็นไปตามโชคชะตาไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำสั่งสอนของผู้เป็นพ่อ เมื่อกษัตริย์ได้ยินดังนั้นก็เกิดพิโรธ จึงปรึกษากับเหล่าขุนนางและได้ขับเจ้าชายออกจากเมือง ด้วยความรักของเหล่าขุนนางที่มีต่อเจ้าชายก็ตั้งใจจะถวายแก้วแหวนเงินทอง แต่เจ้าชายไม่รับและนำเพียงผ้าคลุมกันร้อนและคบเพลิงติดตัวไป เมื่อเดินทางผ่านไปยังหลายเมืองหลายหมู่บ้าน เจ้าชายได้อธิษฐานจิตเพื่อให้พบกัเนื้อคู่ของเขาตามความเชื่อในโชคชะตาว่าหากบ้านไหนมีเนื้อคู่ของเขาอาศัยอยู่ก็ให้ผ้าคลุมไปตกที่บนหลังนั้น จนผ่านไปหลายหมู่บ้านเจ้าชายก็ยังไม่พบเนื้อคู่ ด้วยความโมโหจึงปาผ้าคลุมทิ้ง ผ้าคลุมจึงได้ไปตกอยู่ที่บ้านของนางคำอ่อน เจ้าชายเห็นว่าเป็นบ้านคนยากจนจึงรอให้เผ้าคลุมตกลงมา แต่ปรากฎว่ารอถึงห้าวันยังไม่ตกลงมา จึงได้ตัดสินใจเข้าไปยังบ้านหลังนั้นก็ได้พบกับชายแก่ และนางคำอ่อน และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ชายแก่ฟัง ในครั้งแรกชายแก่เห็นว่าตัวเองมีฐานะยากจน จึงไม่เหมาะสมที่ลูกสาวจะแต่งงานกับเจ้าชาย แต่เมื่อนางคำอ่อนเห็นเจ้าชายก็เกิดความชอบพอ ชายแก่จึงอนุญาติให้ทั้งสองอยู่กิกันตามประเพณี อยู่มาวันหนึ่ง ด้วยความที่ชายแก่และลูกสาวมีฐานะยากจนอยู่แล้ว เมื่อมีลูกเขยมาอยู่ด้วยก็เกิดความลำบากขัดสนเพิ่มขึ้นไปอีก เจ้าชายจึงได้ให้ชายแก่นำแหวนทับทิมของตนไปขายแก่ให้คนรวย แต่ก็ไม่สามารถขายได้ วันต่อมาจึงให้นางคำอ่อนเอาไปขาย ด้วยความที่เมื่อถึงเวลาที่ต้องกินข้าวแล้วนางค่ำอ่อนยังขายแหวนไม่ได้ จึงโมโหหิวปาแหวนทิ้งไป เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ได้เล่าให้เจ้าชายฟัง เจ้าชายฟังแล้วเกิดความโกรธจึงตะคอกใส่นางคำอ่อนเสียงดัง ชายแก่เมื่อเห็นดังนั้น ด้วยความรักลูกสาว ก็ได้บอกกับเจ้าชายว่าจะนำแหวนทับทิมมาให้ใหม่ และได้พาเจ้าชายไปยังบ่อทับทิมที่อยู่ในป่าของยักษ์ ทั้งสามจึงนำทับทิมที่ได้มาไปขายและกลายเป็นเศรษฐีมีฐานะร่ำรวย ฝ่ายเจ้าชายผู้เชื่อในโชคชะตา ก็ได้เชื่อว่านี่เป็นเวรกรรมของเขานั้นเอง แล้วทั้งสามก็ได้อยู่อย่างมีความสุขเรื่อยมา
โชคชะตา,เวรกรรม,ความจน
ชายแก่,เจ้าชาย,เจ้าชาย,กษัตย์
ความเชื่อเรื่องเวรกรรมและโชคชะตาของชาวปะหล่อง
บ่อน้ำ
MM
MM
TEXT
TEXT
นิทานอื่นๆ